สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาพบกับเจลรีวิวหนังอีกครั้งนึงแล้วนะคะ
สำหรับเรื่อง Incredibles 2 เนี่ย เป็นภาคต่อจาก Incredibles หนังแนวครอบครัวซุปเปอร์ฮีโร่ โดยเรื่องราวจะต่อมาจากตอนที่ Underminer โผล่ขึ้นมาพร้อมหุ่นยนต์ยักษ์ แต่ภาคนี้ Helen หรือ Elastigirl ได้มีโอกาสทำงานให้กับรัฐบาล โดยให้ Bob หรือ Mr.Incredible ทำานบ้าน และอยู่บ้านเลี้ยงดูลูก เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปทำกัน แต่เราจะเห็นพลังปริศนา ซึ่งออกมาจากลูกคนสุดท้องอย่าง Jack Jack และการดำเนินเรื่องที่รวบรวมเหล่าฮีโร่จากอเมริกา พร้อมทั้งวายร้ายตัวใหม่ ที่จำเป็นต้องกำจัดไปอย่างสิ้นซาก
ความน่าประทับใจก็คือ ก่อน Incredibles 2 ฉาย ได้มีการฉายการ์ตูนสั้นเรื่อง Bao ซึ่งบอกเลยว่า ไม่ควรพลาดโดยอย่างยิ่ง เพราะคราวนี้ดิสนีย์จัดเต็มสุด กำกับโดย Domee shi ที่มีอายุเพียง 32 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องราวของอาม่าชาวจีนที่มีอาชีพทำซาลาเปา และซาลาเปาลูกนั้นก็มีชีวิต เลยเฝ้าฟูมฟัก เลี้ยงดูประหนึ่งลูกคนนึง แต่พอเจ้าเปาเติบโตขึ้น และอยากออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ทำให้อาม่าจำเป็นต้องยอมเสียสละให้เธอออกไปมีชีวิตของเธอ ซึ่งบอกเลยว่า เรื่องนี้แอบน้ำตาคลอเล็กๆปนความน่ารักของอาม่าและตัวซาลาเปาเอง แนะนำว่า ต้องดูนะ
มีทีเซอร์สั้นๆมาให้ดู คือน่ารักมากมาย
เอาล่ะ กลับมาที่ Incredibles 2 ของเรา หนังเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับคนเดิมอย่าง Brad Bird ซึ่งมีระยะห่างจากภาคแรกนานถึง 14 ปีแน่ะ หนังพยายามสอดแทรกความเสมอภาคลงไป รวมถึงใส่ความเป็น Feminist เบาๆลงไปในเรื่อง โดยการทำให้ Helen ได้รับหน้าที่ในการออกไปทำงานนอกบ้าน และให้ Mr.Incredible ทำงานบ้านแทน โดยทำให้เขารู้สึกถึงการเป็น “แม่บ้าน” หรือ “พ่อบ้าน” ว่ามันคือภาระที่หนักหนาแค่ไหน เพราะไหนจะต้องทำความสะอาดบ้าน ยังต้องดูแลลูกๆอีกทั้ง 3 คน ซึ่งมีความแตกต่างไปหมด ต้องสอนการบ้านลูก ต้องดูแลความสัมพันธ์ของลูกสาวคนโตกับแฟน รวมถึงต้องดูแล รับมือไม่ให้เจ้าตัวเล็ก Jack Jack ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นขวัญใจของเรื่อง ไม่ให้เกิดปัญหา เพราะอยู่ดีๆ เจ้า Jack Jack ก็ดันเกิดพลังวิเศษ ซึ่งเยอะกว่าผู้ใหญ่บางคนอีกต่างหาก
หนังดำเนินเรื่องแบบฉับไว ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี แต่บทค่อนข้างอ่อนไปนิด แต่ด้วยความเป็นการ์ตูน จึงไม่ต้องการความสมบูรณ์แบบมากนัก เน้นไปในเรื่องของการดูแลครอบครัวของ Mr.Incredible เพราะความเป็นการ์ตูน หนังจึงเบาสมอง เหมาะกับการมาดูกับครอบครัว หรือลูกๆ เพราะไม่มีพิษมีภัยอันใด
สิ่งที่น่าสนใจคือ มิติของความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดูลึกขึ้น อย่างที่บอกไป หนังได้สอดแทรกความเป็น Feminist ลงมา สะท้อนว่า บางทีผู้หญิงและผู้ชายก็ต้องสลับบทบาทกันเพื่อทำให้ครอบครัวตัวเองอยู่รอด สิ่งที่สนุกอีกอย่าง คือการก้าวผ่านความเป็น “ซุปเปอร์ฮีโร่” ไปสู่ความเป็น “คนธรรมดา” หนังได้บอกเล่าเรื่องราวไว้อย่างน่าสนใจ เพราะการที่ตัวเองเป็น “ซุปเปอร์ฮีโร่” นั้น หลายๆคนจึงคาดหวังเป็นปกติว่าจะสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในยามคับขันได้ แต่บางทีก็เปล่าเลย เพราะจริงๆแล้ว พวกเขาก็เป็นแค่ “คนธรรมดา” ที่มีพลังวิเศษเท่านั้นเอง
หนังมีจุดพีคอยู่บ้างนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการโดนจับตัวไป ทำให้ลูกๆทั้งสามคนต้องตามหาพ่อแม่ตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่านำไปสู่การต่อสู้อันยิ่งใหญ่ ทำให้เรื่องค่อยๆไต่ระดับความสนุกขึ้นไป และทำให้เราลุ้นต่อตัวละครได้ดีมากยิ่งขึ้น
นี่คือหน้าตาของคนพากษ์หนังเรื่องนี้ แม้ว่าจะมีบางคนหน้าเปลี่ยนไป แต่ส่วนใหญ่ก็ยังใช้ทีมพากษ์ทีมเดิมอยู่
—– ต่อจากนี้จะเป็นสปอยนะคะ —–
.
..
Screenslaver คือตัวร้ายที่เข้ามาเพื่อควบคุมโลก เขาประดิษฐ์ A.I. (Artificial Intelligence) เพื่อควบคุมจิตและสติของทุกคนเพียงแต่มองที่หน้าจอ ถ้าหากเปรียบง่ายๆก็คือ มนุษย์ทุกวันนี้ล้วนต่างใช้มือถือหรือหน้าจอเพื่อการดำรงชีพ Screenslaver จึงเป็นตัวแทนของวายร้ายอย่างมือถือหรือหน้าจอ ที่พยายามบ่มเพาะบางสิ่งบางอย่าง กำหนดกลไกการดำเนินชีวิต
ประเด็นของ Elastigirl ก็น่าสนใจ เพราะว่าเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งหลาย ต่างก็ไม่ได้รับการอนุญาตให้การใช้พลังวิเศษเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เพราะพลังวิเศษจะเป็นการแทรกแซงสังคม ทำให้สังคมอ่อนแอเพราะต้องพึ่งพาแต่ซุปเปอร์ฮีโร่
แต่ที่ลึกลงไปกว่านั้นก็คือ Screenslaver ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว หักมุมด้วยการบอกว่า Evelyn คือตัวร้ายนั่นแหละ เพราะเธอประดิษฐ์ Screenslaver ที่เอาไว้ควบคุมทุกอย่างแบบที่เธออยากจะให้เป็น ที่ไม่ใช่แค่การทำเพื่อเงิน หรือควบคุมโลก แต่หากเป็นเรื่องความทรงจำของครอบครัวของเธอต่างหาก
พ่อแม่ของ Evelyn ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีอยู่แล้ว สนับสนุนการเข้ามาอยู่ของซุปเปอร์ฮีโร่ โดยใช้ซุปเปอร์ฮีโร่ต่างๆเป็นบอดี้การ์ดของตัวเอง ให้ทุนสนับสนุนต่างๆ ช่วยเหลือสังคมผ่านซุปเปอร์ฮีโร่ แต่มีอยู่วันนึง เมื่อมีโจรขึ้นมาปล้นบ้าน พ่อของ Evelyn ตัดสินใจที่จะรอรับการช่วยเหลือจากซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ก็ไม่ทันการณ์ ทำให้พ่อของเธอต้องตายในที่สุด
เหมือนแค้นฝังหุ่น เพราะ Evelyn เชื่อว่า การมีอยู่ของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ ทำให้พ่อของเธออ่อนแอ สังคมอ่อนแอ Evelyn จึงได้แต่เก็บความลับไว้ในใจและพยายามหาทางกำจัดเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ให้สิ้นซาก
เหตุการณ์ในเรื่องหลายเหตุการณ์พยายามบอกว่า เมื่อเกิดความเลวร้ายเกิดขึ้น เหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ นั่นหมายความว่าเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ก็ยินดีเมื่อเกิดเหตุร้ายต่างๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้มีงานทำ มีเงินใช้ มีเงินสนับสนุน รวมถึงได้รับอำนาจอะไรบางอย่างกลับคืนมา ทำให้พวกเขาต้องพึ่งพาความเป็น “ทุนนิยม” อยู่เนืองๆ เพราะถ้าไม่ใช้เงิน ชีวิตของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่จะอยู่ได้อย่างไร
Evelyn จับตัวซุปเปอร์ฮีโร่ทุกคนขึ้นเรือ โดยใช้งานเปิดตัวซุปตาร์ของ Elastigirl ที่กลายเป็นฮีโร่หญิง เมื่อเมืองถูกเหล่าวายร้ายคุกคาม โดยทั้งหมดเป็นแผนของ Evelyn นั่นเองที่ต้องการกำจัดซุปเปอร์ฮีโร่ให้หมด
แต่โชคค่อนข้างดี เมื่อลูกคนเล็กอย่าง Jack Jack ก็คิดถึงพ่อแม่ พี่สาวเลยต้องทำหน้าที่พาไปหา แต่ตอนแรก Mr.Incredible ก็ค่อนข้างขัดใจที่ตัวเองต้องอยู่แต่บ้าน แต่เมื่อ Mr.Incredible ออกไปและกลายเป็นว่า ทั้งคู่พร้อมเพื่อนๆถูก Screenslaver ที่ประดิษฐ์โดย Evelyn นั่นแหละ ควบคุม ลูกสาวเลยทะแม่งๆเลยหาทางออกไปให้ได้ และได้นำพาความสุขกลับมาอีกครั้งนึง เรียกได้ว่าเป็นจุดไคลแม็กซ์ของเรื่องที่เดินเรื่องไวไปนิด เพราะว่าบทมัวแต่เยิ่นเย้อไปกับบทพ่อบ้านของ Mr.Incredible นั่นเอง
หนังยังมีช่องโหว่ของบทและเนื้อเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าไม่ถือสาเอาความก็โอเคอยู่เพราะเป็น “การ์ตูน” นั่นเอง
แต่ที่ขอชื่นชมเลยก็คือ เรื่องแอนิเมชั่น กราฟฟิคต่างๆในเรื่องสวยมากกกกก เรียกได้ว่าทำงานได้ละเอียดสุด เส้นผมเอย เงาเอย แสงเอย ทำได้มีมากๆ ครบทุกมิติของการเป็นหนัง Animation อย่างแท้จริง ฉาก Action ต่างๆก็ทำได้ดี ทำให้เราลุ้นไปกับตัวละครที่ดำเนินอยู่ เสียงซาวด์โอเคเลย แต่ติดนิดนึงตรงที่เรื่องนี้แสดง Flash วูบวาบค่อนข้างเยอะเพราะด้วยพลังวิเศษของซุปเปอร์ฮีโร่นั่นแหละ แสบตาเฉยๆ ฮ่าๆ
เอาล่ะ ก็อยากให้ลองไปดูกันนะสำหรับหนังเรื่องนี้
Leave a Review